วันที่ 10 กันยายน 2564 นายสถิต โพธิ์ดี รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 ให้สัมภาษณ์สดทางสถานีวิทยุกระจายเสียง สวท.ลำปาง กรมประชาสัมพันธ์ คลื่น FM 97.0 MHz ในรายการ “ลำปาง สร้างสรรค์ ปันสุข” เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝน จังหวัดลำปาง โดยมีนางสาวกาญจนา ฟูปิง นักสื่อสารมวลชนชำนาญการ เป็นผู้ดำเนินรายการ ณ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยจังหวัดลำปาง สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 ตำบลหัวเวียง อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
โดยรองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 2 ได้กล่าวถึงสภาพภูมิอากาศในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดลำปาง มีฝนตกกระจายทั่วทุกอำเภอ ปริมาณฝนวัดได้ตั้งแต่ 0 - 75.5 มิลลิเมตรต่อวัน รวมปริมาณน้ำฝนตลอดทั้งสัปดาห์วัดได้ 165 - 215 มิลลิเมตร ปริมาณฝนมากที่สุดอยู่ที่อำเภอเถิน และในช่วงวันที่ 8 - 10 กันยายน 2564 บริเวณภาคเหนือจะยังคงมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง
สภาพน้ำท่าในแม่น้ำวัง ตั้งแต่ท้ายเขื่อนกิ่วลม ไปจนถึงตำบลยกกระบัตร อำเภอสามเงา จังหวัดตาก มีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง 1.66 - 5.5 เมตร มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ส่วนในช่วงวันที่ 29 สิงหาคม ถึงวันที่ 5 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างเก็บน้ำกิ่วลม รวม 10.14 ล้านลูกบาศก์เมตร และอ่างเก็บน้ำกิ่วคอหมา รวม 3.1 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของจังหวัดลำปางทั้งสองแห่งสามารถรองรับปริมาณน้ำได้อีก อย่างไรก็ตาม สำนักงานชลประทานที่ 2 ยังได้ขอให้ กรมฝนหลวงมาปฏิบัติการทำฝนเทียม เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำฝน น้ำท่า ให้อ่างเก็บน้ำในเขตจังหวัดลำปาง
สำหรับการบริหารจัดการน้ำ กรมชลประทาน ได้กำหนดแนวทางมาตรการบริหารจัดการน้ำในฤดูฝนปี 2564 เพื่อให้มีปริมาณน้ำต้นทุนเพียงพอสำหรับใช้น้ำตลอดฤดูฝน โดยได้จัดสรรน้ำเพื่ออุปโภค – บริโภคและรักษาระบบนิเวศเป็นลำดับแรก ลำดับที่สอง เพื่อส่งเสริมการเพาะปลูกพืชฤดูฝน โดยให้ใช้น้ำฝนเป็นหลักและใช้น้ำชลประทานเสริมกรณีฝนทิ้งช่วง ลำดับที่สาม เพื่อบริหารจัดการน้ำท่าให้มีประสิทธิภาพสุงสุดด้วยระบบและอาคารชลประทาน ลำดับที่สี่ คือการกักเก็บน้ำในเขื่อนให้มากที่สุดเพื่อความมั่นคงด้านการอุปโภค-บริโภคและรักษาระบบนิเวศ และลำดับที่ห้า เพื่อวางแผนป้องกันและบรรเทาอุทกภัย
ในส่วนของการเตรียมความพร้อมในการรับมืออุทกภัยปี 2564 สำนักงานชลประทานที่ 2 ได้ทำการตรวจสอบ ความมั่นคงของตัวเขื่อนและอาคารชลประทาน ซึ่งได้ดำเนินการเรียบร้อยแล้ว ทุกแห่งอยู่ในสภาพใช้งานได้ตามปกติ พร้อมทั้งเตรียมความพร้อมเรื่องเครื่องจักรเครื่องมือต่าง ๆ และทำการติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
